ลดร่องแก้ม ปัญหาที่ทำให้หน้าของเราดูแก่เกินวัย
ปัญหาร่องแก้มเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าเราดูแก่ คนไข้หลายคนจึงกังวลต้องการแก้ปัญหานี้ เคยลองใช้ครีมที่สรรพคุณช่วยฟื้นฟู ยกกระชับผิว แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม
ร่องแก้มคืออะไร
สาเหตุการเกิดร่องแก้ม
1.โครงสร้างใบหน้าบริเวณหน้าแก้มหย่อนลง
มามีผลต่อการเห็นร่องแก้มชัดขึ้น อาจเป็นจากกระดูกใต้ตายุบ หรือเนื้อบริเวณโหนกแก้มหย่อนคล้อยลงมา เคสกลุ่มนี้ควรเติมฟิลเลอร์บริเวณกระดูกใต้ตา หรือหน้าแก้มเพื่อยกผิว ร่วมกับเติมฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม คู่กันค่ะ
2.กระดูกบริเวณร่องแก้มยุบตัวลง อาจเป็นจากอายุมากขึ้น
หรือคนที่จัดฟันบางคนก็ได้ค่ะ เคสกลุ่มนี้ควรเติมฟิลเลอร์ตำแหน่งชิดกระดูกเหนือฟันบนค่ะ
3.บางคนมีกล้ามเนื้อข้างร่องแก้มแข็งแรง
ทำให้เห็นเป็นสันเวลายิ้ม ถ้าเคสแบบนี้หมอจะเติมฟิลเลอร์ ระดับใกล้กับกล้ามเนื้อเพื่อกดการทำงานกล้ามเนื้อบางส่วนค่ะ
4.ในคนที่ผิวแห้ง ชั้นผิวบาง จะมีร่องเป็นเส้นๆ ริ้วๆ ที่ผิวด้านบน
คนไข้กลุ่มนี้ควรเติมฟิลเลอร์ที่โมเลกุลขนาดเล็กเพื่อเติมความชุ่มชื้นและดูกลืนไปกับผิวค่ะ
การรักษาร่องแก้มที่เห็นผลชัดเจนที่สุด
ชนิดของฟิลเลอร์ร่องแก้มมีรุ่นไหนบ้าง
โดยทั่วไป สามารถใช้ฟิลเลอร์ได้หลายรุ่น ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของคนไข้ค่ะ รุ่นที่หมอนิยมใช้ มีดังนี้ค่ะ
Juvederm ultra plus ด้วยเนื้อโมเลกุลที่เก็บน้ำได้มากและทนต่อแรงขยับเวลายิ้ม จึงทำให้เติมร่องแก้มได้สวยฟู
Belotero intense ด้วยเนื้อฟิลเลอร์ค่อนข้างยืดหยุ่น ทำให้ฉีดเพื่อยกร่องแก้มได้ดีค่ะ
Juvederm Voluma ด้วยเนื้อโมเลกุลที่ยกผิวได้ดี ทำให้ฉีดบริเวณหน้าแก้มที่หย่อนเพื่อยกหน้าแก้ม และฉีดยกร่องแก้มได้ดีค่ะ
หลังจากฉีดเห็นผลเมื่อไร อยู่ได้นานแค่ไหน
จะเห็นว่าร่องแก้มตื้นขึ้น สวยทันทีหลังจากฉีดเลยค่ะ ในช่วง 1-3 วันแรกอาจรู้สึกตึงๆ บริเวณที่ฉีด หลังจากนั้นจะดีขึ้น ผลที่ได้อยู่ได้นาน 1 ปี – 1 ปีครึ่งค่ะ
ฟิลเลอร์ร่องแก้มที่กัญวราคลินิกเป็นอย่างไร
1.ฟิลเลอร์ที่ใช้ทุกหลอด
เป็นจากบริษัทผู้แทนนำเข้า จึงผ่าน อย. ปลอดภัย และหมอจะเลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ดีที่สุดค่ะ
2.เคสส่วนใหญ่ หมอใช้เข็มชนิดทู่ โดยปกติแล้วเข็มทู่มีหลายรุ่น คุณภาพจะแตกต่างกันไป เข็มทู่ที่หมอใช้ เป็นรุ่นที่บาดผิวและเส้นเลือดน้อย
ฉีดได้สมูท การเดินยาแม่นยำ ทำให้ลดโอกาสเจ็บ บวมช้ำน้อยที่สุด ปลอดภัย ผลลัพธ์ดีที่สุดค่ะ
3.หมอจะคำนึงถึงความต้องการของคนไข้เป็นหลัก
ว่าต้องการแบบไหน มีการพูดคุยถึงผลที่ได้ก่อนที่จะทำ เพื่อให้ตรงตามความคาดหวังค่ะ
4.ใช้เทคนิคการฉีดที่ค่อยๆ ทำ พิถีพิถัน
เพื่อให้ฟิลเลอร์สวยเรียบเนียนไปกับผิว และลดการบวมช้ำค่ะ
การดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์
หมอคิดว่าหลายๆ คน หลังมาฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วก็อยากให้ผลที่ได้อยู่นานเพื่อให้รู้สึกคุ้มค่าใช่มั้ยคะ หมอจึงมีคำแนะนำการดูแลตัวเองง่ายๆ 5 วิธีมาฝากกันค่ะ
1.ก่อนอื่นเลยต้องทราบหลักการก่อน
ว่า ถ้าหลังฉีดแล้วไม่บวมนานและเลือดออกมาก การอักเสบจะเกิดมากขึ้น จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้สั้นลง (จากประสบการณ์ของหมอนะคะ) ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากมีการอักเสบ ต้องงดยากลุ่ม Aspirin, Nsaids (ยาแก้ปวด เช่น diclofenac, ibuprofen, ponstand) ที่ต้องทานต่อเนื่อง และงดวิตามิน เช่น แปะก๊วย กระเทียม โสม primrose oil, vit E และ Fish oil ก่อนมาฉีด 1 วีคค่ะ
ถ้าไม่แน่ใจในวิตามินที่ทาน แนะนำหยุดทานทุกตัวไปก่อน เพื่อความชัวร์เลยก็ได้
2.กิจกรรมบางอย่างที่ทำให้เลือดไหลเวียนสูบฉีดมากๆ
(หลักการเหมือนข้อแรก คือจะทำให้การอักเสบมากขึ้น) เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายแบบหนักๆ (ถ้าแค่เดินหรือฟิตเนสเบาๆ ได้ค่ะ) อบซ่าวน่า ต้องงดไปก่อน 48 ชม.แรกหลังการฉีด
3.อาหารบางอย่างที่ควรเลี่ยง ใน 48 ชม.แรก
คือ แอลกอฮอล์ ของหมักดอง ของที่หวานมากๆ นมวัวที่อาจกระตุ้นให้ปฏิกิริยาอักเสบง่ายขึ้น งดไปก่อนนะคะ
4.การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย
โดยปกติการสลายของฟิลเลอร์ ในช่วงที่ยังสลายไม่หมดยังสามารถถูกทดแทนด้วยโมเลกุลของน้ำได้ ฉะนั้น การดื่มน้ำพอเพียงคือ 2 ลิตรต่อวันจะทำให้ฟิลเลอร์หมดช้าได้ ข้อนี้สำคัญมากๆ เลยนะคะ
5.หลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือท่าทางที่ไปกด นวด นอนทับตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ไป ใน 2 สัปดาห์แรก
หลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือท่าทางที่ไปกด นวด นอนทับตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ไป ใน 2 สัปดาห์แรก เพื่อให้ฟิลเลอร์เซทรวมกับเนื้อผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ