หลุมสิว เป็นรอยเนื้อหนาว่างในผิวหนังที่เกิดขึ้นหลังจากสิวอักเสบหรือการอักเสบของเนื้อเยื่อผิวหนัง หลุมสิวส่วนใหญ่เกิดจากสิวอุดตันและรูขุมขนหลุมสิวที่อยู่ในผิวหนัง และสิวอื่น ๆ ที่กระจายในพื้นผิวหนังใกล้เคียง หลุมสิวอาจมีลักษณะแผลหยาบหรือลึกลงไปในผิวหนัง โดยมักจะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า และส่วนใหญ่จะเป็นรอยที่คงอยู่ในระยะยาวหลังจากสิวหายไป
หลุมสิว เกิดจากอะไร ?
หลุมสิว เกิดจากการรักษาที่ผิดวิธี เช่น การแกะสิว การแคะสิว การเกาสิว แล้วไม่มีการรักษาเพิ่มเติม ปล่อยให้เกิดการอักเสบเป็นหลุมยุบลงไป ทำให้กระบวนการสร้างผิวใหม่แทนที่สิวถูกทำลาย จนเกิดการสะสมเป็นขนาดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้จากสิวอุดตันธรรมดา กลายเป็นหลุมสิวในที่สุด ซึ่งทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน หมดความมั่นใจได้
หลุมสิว เกิดจากสิวชนิดไหนบ้าง ?
หลัก ๆ ของการเกิดหลุมสิว สามารถเกิดได้จากสิวทุกชนิด แต่หลัก ๆ ของการเกิดหลุมสิวที่มากสุด จะมีดังนี้
1. สิวอักเสบหนอง (inflammatory acne):
สิวอักเสบหนองเกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำมันในผิวหนัง ทำให้เกิดสิวหนองแดงหรือหนองขาว หากไม่รักษาอย่างถูกต้อง สิวอักเสบหนองอาจทำให้เกิดหลุมสิวได้
2. สิวอุดตัน (comedonal acne):
สิวอุดตันเกิดจากการขดลวดของเซลล์ผิวหนังที่ตั้งอยู่ในรูขุมขนของผิวหนัง ซึ่งทำให้เกิดสิวดำหรือสิวขาว หากสิวอุดตันไม่รักษาต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดหลุมสิวเมื่อสิวตีบและทำลายเนื้อเยื่อในลักษณะของสิว
3. สิวอักเสบแพ้ง่าย (pustular acne):
สิวอักเสบแพ้ง่ายเกิดจากการติดเชื้อในรูขุมขนที่อุดตัน ซึ่งทำให้เกิดสิวอักเสบและสิวหนองแดง หากสิวอักเสบแพ้ง่ายไม่รักษาต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดหลุมสิวได้
4. สิวหัวช้าง (Nodulocystic acne):
สิวหัวช้างเกิดจากการอุดตันของแบคทีเรีย น้ำมันในผิว และเซลล์ผิวที่ตาย เข้าไปอุดตันในรูขุนขน ลักษณะเป็นก้อนนูนแดง แข็ง และมีขนาดใหญ่จนเห็นได้ชัด มีทั้งแบบมีหัวและไม่มีหัว อยู่ในผิวหนังชั้นที่อยู่ลึกลงไป ซึ่งรักษาได้ยากกว่าสิวชนิดอื่น ๆ เป็นการอักเสบขั้นรุนแรง หากรักษาแบบผิดวิธี อาจเกิดหลุมสิวขนาดใหญ่ขึ้นในที่สุด
หลุมสิว มีความรุนแรงกี่ระดับ ?
สามารถเช็คความแตกต่างของหลุมสิวได้ เพื่อเป็นการประเมินหลุมสิวเบื้องต้นของเรา ว่าควรรักษาอย่างไรให้ตรงจุด ซึ่งมีความรุนแรงทั้งหมด 3 ระดับ ดังนี้
1. หลุมแอ่กกระทะ (Rolling scar)
เป็นหลุมสิวทั่วไป ลักษณะของหลุมสิวที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง ซึ่งมักจะมีลักษณะคล้ายร่องลึกหรือหลุมที่แผ่ออกไปในรูปแบบที่มีขอบโค้งบนผิวหนัง รูปร่างของหลุมสิวจะเป็นรูปแบบที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อไปกำจัดหรือถูกทำลายในพื้นที่กว้างกว่าส่วนที่สิวเดิมตั้งอยู่ โดยหลัก ๆ เกิดขึ้นเมื่อสิวอักเสบรุนแรงและทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังในลักษณะที่เนื้อเยื่อผิวหนังยื่นออกมาชั้นล่าง ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นดูไม่เรียบเนียนและมีลักษณะร่องลึก แต่รักษาได้ได้งายหากรักษาถูกวิธี
2. หลุมสิวกล่อง (Box scar)
เป็นหลุมสิวระดับกลาง ลักษณะหนึ่งของหลุมสิวหรือรอยเปื้อนที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง ลักษณะของหลุมสิวลึกระดับกลาง คือรอยสิวที่มีรูปทรงเหมือนกล่องหรือสี่เหลี่ยมมุมฉาก ลึกลงไปในผิวหนังโดยมีขอบที่คมและชัดเจน โดยทั่วไปเกิดจากการที่เนื้อเยื่อผิวหนังถูกทำลายและทำให้เกิดการสลายของคอลลาเจนในพื้นที่นั้น รักษาได้ค่อนข้างง่าย หากรักษาถูกวิธี
3. หลุมสิวจิกลึกระดับรุนแรง (Ice pick scar)
เป็นหลุมสิวระดับรุนแรง ลักษณะหนึ่งของหลุมสิวหรือรอยเปื้อนที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง ลักษณะของ ice pick scar คือรอยสิวที่ลึกและแคบมาก รูปร่างของหลุมสิวลึกระดับรุนแรง มักจะเป็นรูปทรงกระแทกบริเวณด้านลึกของรอยแผล โดยจะเกิดขึ้นเมื่อสิวอักเสบรุนแรงและทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังในลักษณะที่เนื้อเยื่อผิวหนังถูกทำลายลงไปลึกในลักษณะของรอยแผลเล็ก ๆ ซึ่งมักเป็นผลจากการเปิดรูขุมขนในสิวแล้วปิดตัวและสร้างแผลหายในรูปแบบของรอยแผลที่ลึกและแคบ รักษาได้ยากมาก
หลุมสิว รักษาได้ด้วยวิธีอะไรบ้าง ?
ครีมรักษาหลุมสิว
การใช้ครีมรักษาหลุมสิวอาจช่วยให้ผิวหนังดูดีขึ้นและลดลักษณะของหลุมสิวได้บ้างครีมที่ใช้ในการรักษาหลุมสิวมักมีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการผลักดันเนื้อเยื่อใหม่และช่วยลดความเข้มข้นของรอยแผล ดังนั้น การใช้ครีมเพื่อรักษาหลุมสิวควรเป็นส่วนหนึ่งของชุดการดูแลผิวหนังที่ครอบคลุมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ครีมรักษาหลุมสิว อาจไม่สามารถแก้ไขหลุมสิวได้เต็มที่เท่าไหร่นัก หากมีการอักเสบค่อนข้างรุนแรง โดยส่วนใหญ่การใช้ครีมรักษาหลุมสิว มักใช้กับหลุมสิวทั่วไป
ทานยารักษาหลุมสิว
การทานยารักษาหลุมสิวไม่ใช่วิธีที่พบบ่อย เนื่องจากหลุมสิวมักเกิดจากการอุดตันของสิวในรูขุมของผิวหนัง ทำให้ยาสำหรับรักษาหลุมสิวไม่สามารถเข้าถึงและแก้ไขสิวได้โดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น ในกรณีที่หลุมสิวมีระดับที่รุนแรง ยาต่าง ๆ อาจไม่มีประสิทธิภาพในการรักษา
รักษาด้วยการสอดเข็มกับหลุมสิว
การสอดเข็มในรักษาสิวถือเป็นวิธีการที่นิยมใช้ในการจัดการกับปัญหาสิวในระดับหนึ่ง โดยการสอดเข็มในจุดที่ถูกต้องจะส่งผลกระตุ้นการไหลเวียนของพลังงานในร่างกายและช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานดีขึ้น แม้การสอดเข็มไม่ใช่วิธีการที่สามารถรักษาสิวได้อย่างแน่นอน 100% และมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง ดังนั้น การตัดสินใจในการใช้วิธีการนี้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลผิวพรรณเพื่อขอคำแนะนำและประเมินความเหมาะสมในการใช้วิธีการนี้
รักษาด้วยการผ่าตัดหลุมสิว
เป็นวิธีการที่ใช้ในการรักษาสิวรุนแรงหรืออาการอักเสบที่รุนแรงมากๆ โดยการผ่าตัดจะถูกนำมาใช้เมื่อการรักษาอื่นๆ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หรือสิวเกิดขุ่นเป็นหย่อมๆ และอาจเกิดอาการอักเสบรุนแรงที่เป็นผลมาจากการสิวเป็นสิวอุดตันและการติดเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย นับว่าการรักษาด้วยการผ่าตัดหลุมสิว เป็นวิธีสุดท้ายเลยก็ว่าได้
ฟีลเลอร์หลุมสิว
เป็นกระบวนการทางคอสเมติกที่ใช้เพื่อลดการปรากฏของรอยแผลหลุมสิวหรือรอยเส้นแน่นที่เกิดจากสิวที่เคยเป็นอย่างรุนแรงในอดีต ฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับรักษาหลุมสิวจะเป็นสารที่ฉีกฉายและเนื้อเจลที่ซึมซเข้าไปในรอยแผล เพื่อเติมเต็มและระดับผิวหนังให้สม่ำเสมอ การฟีลเลอร์หลุมสิวอาจช่วยลดรอยแผลหลุมสิวได้เป็นอย่างมาก แต่ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับและลักษณะของรอยแผล นอกจากนี้ การฟีลเลอร์หลุมสิวควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง เพื่อขอคำแนะนำและประเมินความเหมาะสมในการใช้ฟิลเลอร์หลุมสิวนั่นเอง
เลเซอร์หลุมสิว
การเลเซอร์หลุมสิว เป็นการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ ด้วยการใช้พลังงานยิงไปที่ผิวหนังบริเวณที่เป็นหลุมสิว เพื่อให้เกิดความร้อน ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผิวทำการสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้หลุมสิวตื้นขึ้น หากทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จะทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียน กระชับได้ในที่สุด โดยการเลเซอร์สิวของกัญวราคลินิก และเลเซอร์ที่ได้รับความนิยม คือ Fraxel , Fractional CO2 , Fine scan
ดูแลผิวหน้าอย่างไร ไม่ให้เกิดหลุมสิวซ้ำ ?
- ล้างหน้าให้สะอาดทุกวัน วันละ 2 ครั้ง
- ลดอาหารมันและอาหารหวาน
- งดการัมผัสผิวหน้า เช่น การแกะ การแคะ การบีบ การเกา และการลูบ
- หมั่นล้างอุปกรณ์เครื่องสำอางทุกครั้งก่อนนอน เช่น แป้งพัพ ไม้ปัดแก้ม ไม้ทาเปลือกตา เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงจากสภาวแวดล้อมที่มีฝุ่งละออง ควัน หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม น้ำมันผสมอยู่ เพื่อป้องกันปัญหาการเกิดสิวอุดตัน
- หากมีสิวเม็ดใหญ่จำนวนมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาที่ตรงจุด
หลุมสิว ถือว่าเป็นเคสที่รักษาได้ค่อนข้างยากมาก เนื่องจากเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเกิดสิวเลยก็ว่าได้ เมื่อมีการแกะ เกา แคะ บีบ หรือลูบบริเวณที่มีสิวเกิด จนเกิดการอักเสบรุนแรง แล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่มีการดูแลรักษาเพิ่มเติมเลย ก็มีโอกาสเกิดหลุมสิวแทบจะ 100% ดังนั้นหากเกิดหลุมสิวจริง ๆ ควรเช็คลักษณะของหลุมสิว เพื่อการรักษาที่ตรงจุด จนกว่าจะหายดี แล้วหมั่นดูแลผิวหน้าอย่างจริงจัง เพื่อผิวหน้าที่เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ มั่นใจในการใช้ชีวิตนั่นเอง