ที่ตั้ง หน้าหมู่บ้านไอดีไซน์ ใกล้สำนักงานเขต คลองสามวา

หากพูดถึงเรื่องของหลุมสิว หนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคนต้องเจอกันเป็นประจำ รู้หรือไม่ว่าเจ้าหลุมสิวที่เห็นนั้นไม่ได้มีแค่ชนิดเดียว และหลุมสิวแต่ละชนิดก็มีความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งวิธีการรักษาหลุมสิวแต่ละแบบก็ต่างกันออกไปเช่นกัน

วันนี้เรามาทำความรู้จักกับหลุมสิวเจ้าปัญหากันว่า หลุมสิวมีกี่ชนิด และหน้าตาเป็นยังไง ใครที่เป็นหลุมสิวอยู่เช็คเลยว่าตอนนี้ตัวเองเป็นหลุมสิวชนิดไหนอยู่ รู้ก่อน รักษาได้ตรงจุดกว่า มีสิทธิ์หายเร็วขึ้นด้วยนะ

สาเหตุของการเกิดหลุมสิว

สาเหตุของปัญหาหลุมสิว ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามาจากเจ้าสิวที่เราๆ เป็นกันอยู่นี่แหละ แต่ก็ไม่ใช้สิวทุกชนิดที่จะทำให้เกิดหลุมสิวนะ เจ้าสิวที่จะทำให้เกิดหลุมสิวได้นั้นก็คือ “สิวอักเสบ” นั้นเอง

โดยเจ้าหลุมสิวนั้นเกิดจากกระบวนการสมานของผิวหนังที่เกิดการเสียหายเมื่อเป็นสิวอักเสบจึงทำงานได้ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเนื้อเยื่อถูกทำลายเป็นวงกว้างจากการเป็นสิวอักเสบและไม่ได้รับการรักษา หรือเรียกว่าง่ายๆ ว่าแผลเกิดการสมานไม่สนิทนั้นเอง

ปัจจัยที่ทำเกิดหลุมสิว

1. การสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนังไม่เพียงพอ

2. การอักเสบของสิว ที่ทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังถูกทำลาย

3. การบีบสิว หรือกดสิว สาเหตุของการอักเสบและบาดเจ็บใต้ผิวหนัง

4. การดูแลผิวหลังการเกิดสิวที่ไม่ถูกต้อง และเหมาะสม

ชนิดและความรุนแรงของหลุมสิว

หลุมสิวแบบแอ่งกระทะ ชนิดทั่วไป (Rolling Scar)

หลุมสิวชนิดนี้ เป็นหลุมสิวที่เกิดมาจากการแกะหรือเกาสิว ทำให้เกิดเป็นร่องแผลบนใบหน้า แต่ลักษณะร่องตื้นบนผิวหนังเพียงเท่านั้น

หลุมสิวชนิดนี้ จัดระดับความรุนแรงอยู่ที่ “ระดับทั่วไป” สามารถรักษาให้หายได้ง่าย เนื่องจากเป็นหลุมสิวที่ไม่ลึกไปจนถึงชั้นหนังแท้

หลุมสิวแบบกล่อง ชนิดรุนแรงปานกลาง (Box Scar)

หลุมสิวชนิดนี้เป็นหลุมสิวที่เกิดจากการเป็นสิวอักเสบขั้นกลาง รวมไปถึงคนที่เป็นโรคอีสุกอีใส ลักษณะของหลุมสิวจะมีลักษณะปากหลุมกว้าง และมีความลึกประมาณ 3 – 5 มิลลิเมตร โดยหลุมสิวนี้มักจะพบพังผืดเกาะติดในบริเวณชั้นหนังแท้ร่วมด้วย

หลุมสิวชนิดนี้ จัดระดับความรุนแรงอยู่ที่ “ระดับปานกลาง” สามารถรักษาให้หายได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลารักษามากกว่าหลุมสิวชนิดทั่วไป

หลุมสิวแบบจิก ชนิดรุนแรงที่สุด (Ice Pick Scar)

หลุมสิวนี้นับว่ามีความลึกและรุนแรงมากที่สุด มีลักษณะปากหลุมแคบเพียง 0.5 มิลลิเมตร แต่มีความลึกจะลึกมากไปถึงชั้นผิวหนังแท้ อีกทั้งยังมีปัญหาพังผืดดึงรั้งร่วมด้วย หลุมสิวประเภทนี้จะทำลายลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ส่งผลให้คอลลาเจนบริเวณนั้นถูกทำลาย

หลุมสิวชนิดนี้ จัดระดับความรุนแรงอยู่ที่ “ระดับรุนแรงมากที่สุด” เป็นหลุมสิวที่รักษาให้หายยาก ใช้เวลาในการรักษานานที่สุด ไม่สามารถรักษาด้วยยาเพียงอย่างเดียวได้ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินการรักษา และรักษาได้อย่างเหมาะสม

วิธีการรักษาหลุมสิว

วิธีการรักษาหลุมสิวนั้น มีตั้งแต่การรักษาด้วยยาแบบทา ไปจนถึงการผ่าตัดเพื่อรักษาเลย โดยการรักษาแต่ละวิธีนั้นก็ต้องดูจากระดับความรุนแรงของหลุมสิวเบื้องต้นประกอบกันไปด้วย

1. การทายา

การทายาจะเป็นการทายากลุ่มกรมวิตามินเอ, Retin A, TCA, AHA, BHA, PHA ที่มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก และกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ของผิวชั้นนอก

2. การเลเซอร์

การเลเซอร์ จะเป็นการใช้พลังงานเข้ากระตุ้นการผลัดตัวของเซลล์ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง วิธีนี้นอกจากจะช่วยรักษาหลุมสิวแล้ว ยังช่วยทำให้ผิวหน้าของเราเรียบเนียนอีกด้วย

3. การทำ Fractional RF

วิธีนี้จะเป็นวิธีการใช้เข็มนาโนขนาดเล็กในการรักษา โดยตัวเครื่องมือจะเข้าไปทำลายพังผืดที่เหนี่ยวรั้งหลุมสิวของเราได้ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังชั้นลึกได้อีกด้วย

4. การผ่าตัด

การผ่าตัดในที่นี้ เป็นการตัดพังผืดใต้ชั้นผิวหนัง วิธีการคือจะใช้เข็มพิเศษเซาะตัดพังผืดใต้หลุมสิวออก อาจมีการช้ำ หรือบวมที่ผิวประมาณ 2 อาทิตย์

ทั้งนี้การรักษาควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยในการรักษา

วิธีการป้องกันการเกิดหลุมสิว

วิธีการป้องกันที่ดีที่สุด คือการป้องกันจากต้นเหตุของการเกิดหลุมสิว เมื่อมีสิวอักเสบเกิดบนใบหน้าของเรา ควรที่จะเข้ารับการรักษาทันที ไม่ควรรอให้เกิดการอักเสบบวมแดง หรือเกิดสิวหนองก่อน เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อในชั้นผิวขอบเราถูกทำลาย และไม่กระทบต่อการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวอีกด้วย

การรักษาหลุมสิวนั้นควรที่จะรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา อีกทั้งยังต้องดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดหลุมสิวซ้ำ เช่น การรักษาสิวอย่างถูกวิธี ไม่มบีบหรือแกะสิว รวมไปถึงไม่ปล่อยให้สิวอักเสบหายเอง 

Line

Facebook

Address

Tel